1. แฟ้มเสียง (Audio file)
ระบบของแฟ้มเสียงที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 3 ชนิด คือ Digitize Audio, Music Files และ Text to Speech
- Digitize Audio เป็นรูปแบบของแฟ้มเสียงที่ทำงานโดยถูกแปลงจาก Analog ไปเป็น Digital เพื่อให้ใช้กับคอมพิวเตอร์ได้
- Music Files เป็นรูปแบบตัวโน้ตดนตรีที่เรียงสลับกัน เพื่อให้เล่นออกมาเป็นเสียงเพลง
- Text to Speech เป็นเทคนิคในการแปลงข้อความ (Text file)
2. แฟ้มวีดิทัศน์ (Video files)
ปัจจุบัน Digital Video เป็นสิ่งที่ทำให้เว็บเพจมีความทันสมัยและแปลกตายิ่งขึ้น โดยทั้งผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และผู้ใช้งาน ต่างให้ความสนใจและพัฒนาเทคโนโลยีสาขานี้เป็นอย่างมาก เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บเพจ อย่างไรก็ตามแฟ้มภาพวีดิทัศน์จะมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจำเป็นต้องมีการบีบอัดแฟ้มให้มีขนาดเล็กลง โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “Codec” (Compression / Decompression) ซึ่งจะกระทำโดยผ่านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ดังนี้ CinePak (Compac Video) เป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุด ใช้ในซอฟต์แวร์ที่ชื่อ Quicktime และ Video for Windows (vfw) Indeo คุณภาพรองจาก CinePak แต่เร็วกว่าใช้ได้ใน Quicktime Version 2.0 และ vfm JPEG นิยมนำมาใช้ทำ Video Capture แล้วใช้ CinePak มาทำ Codec MPEG Codec ได้คุณภาพ ของวีดิทัศน์สมบูรณ์มาก อย่างไรก็ตาม ยังขาดฮาร์ดแวร์ที่สนับสนุนอยู่มาก
3. แฟ้มภาพเคลื่อนไหว (Animation files)
การ สร้างภาพเคลื่อนไหวที่ดีและง่ายที่สุดนั้นก็คือ ใช้คุณสมบัติของแฟ้มภาพ GIF หลาย ๆ ภาพมาเก็บไว้ในแฟ้มเดียวกัน เรียกว่า GIF Animation โดยที่เมื่อแฟ้มเหล่านี้ถูกเรียกใช้งานผ่านโปรแกรมค้นผ่าน รูปภาพทั้งหมดที่เก็บไว้จะถูกแสดงออกมาตามลำดับที่เราเรียงไว้ ทำให้ได้ภาพเสมือนกับเคลื่อนไหวอยู่
สำหรับการใช้งานแฟ้มข้อมูล ประเภทเสียง ภาพวีดิทัศน์ และภาพเคลื่อนไหว จำเป็นต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของงานด้วย เนื่องจากแต่ละแฟ้มมีขนาดใหญ่ ทำให้การเรียกใช้งานผ่านโปรแกรมค้นผ่านแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน อาจจะทำให้ผู้เข้ามาชมอดทนรอไม่ไหวและออกไปเว็บเพจอื่น ๆ แทน
5.5.6 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดงผลของเว็บไซต์
หัวใจ สำคัญอีกประการหนึ่งของการออกแบบเว็บไซต์ ก็คือสามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสมกับหน้าจอของผู้ใช้ทุกคน ซึ่งค่อนข้างเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ เพราะความแตกต่างทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของผู้ใช้แต่ละคน รวมไปถึงการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ของเว็บบราวเซอร์ สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันนี้ จะส่งผลต่อการแสดงผลเว็บเพจด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีความแน่นอน เว็บเพจที่ดูดีในหน้าจอของเราอาจดูน่าตกใจในหน้าจอของผู้อื่นก็เป็นได้
เพราะ ฉะนั้น ผู้ออกแบบเว็บไซต์จึงควรศึกษาถึงลักษณะและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มเป้าหมายให้ มากที่สุด ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการออกแบบได้แก่ ระบบปฏิบัติการ, ความละเอียดหน้าจอ, จำนวนสีที่ใช้ในการแสดงผล, ชนิดและรุ่นของเว็บบราวเซอร์ และความเร็วในการรับส่งข้อมูล รวมไปถึงความชำนาญของผู้ใช้แต่ละคนด้วย
1. ระบบปฏิบัติการ
ระบบ ปฏิบัติการ (Operating System) ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการทำงานของบราวเซอร์ มาก ระบบปฏิบัติการหลักที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ Windows, Macintosh, Unix และ Linux โดยในแต่ละระบบจะแตกต่างกันในเรื่องของชนิดและรุ่นของบราวเซอร์ที่ใช้ได้ ระดับความละเอียดของหน้าจอ ชุดขอระบบสี และชนิดของตัวอักษรที่มาพร้อมกับระบบ เป็นต้น
ในการออกแบบเว็บเพจ ถ้าหากทราบว่ากลุ่มผู้ใช้เป้าหมายส่วนใหญ่ ใช้ระบบปฏิบัติการใดก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะทำให้สามารถออกแบบได้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมของผู้ใช้ได้มากขึ้น
2. ความละเอียดหน้าจอ
ความ ละเอียดหน้าจอ (Monitor resolution) โดยปกติแล้วจะกำหนดความละเอียดของหน้าจอไว้ที่หน่วยพิกเซล ซึ่งความละเอียดของหน้าจอนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้ แต่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดแสดงผล ยิ่งหน้าจอมีความละเอียดมากเท่าไร รูปภาพหรือองค์ประกอบใด ๆ ในเว็บก็จะเล็กลง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงรายละเอียดได้มากขึ้น เนื่องจากความละเอียดของหน้าจอมีผลต่อการแสดงผลของเว็บไซต์ การออกแบบเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องทราบว่ากลุ่มผู้ใช้นั้นนิยมใช้ความละเอียด ของหน้าจอที่เท่าไร
3. ความเร็วในการรับส่งข้อมูล
ความเร็วในการรับ ส่งข้อมูล (Connection Speed) ยังคงเป็นปัญหาหลักที่จำกัดความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับเครือข่ายเว็บ เนื่องจากความเร็วในปัจจุบันยังช้า และไม่ทันใจ ทำให้ผู้พัฒนาต้องมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะออกแบบเว็บให้มีขนาดเล็ก เพื่อการส่งผ่านข้อมูลที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น